ภาวะเท้าแบน ส่งผลอย่างไรกับการดำเนินชีวิตภาวะ เท้าแบน เป็นปัญหาที่พบบ่อยและหลายคนอาจมองข้ามแต่ทราบหรือไม่ว่า เท้าแบนสามารถส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต ท่าทางการเดิน และสร้างความปวดเมื่อยที่ลามไปถึงข้อเท้า หัวเข่า สะโพก และหลังได้
เท้าแบนคืออะไร
เท้าแบน คือภาวะที่อุ้งเท้าด้านใน มีลักษณะแบนราบลงหรือหายไป เมื่อยืนลงน้ำหนัก ฝ่าเท้าด้านในส่วนใหญ่หรือทั้งหมดจะแตะพื้น โดยปกติแล้วเท้าจะมีส่วนโค้ง (Arch) เพื่อช่วยรองรับน้ำหนักและกระจายแรงกระแทกในขณะเดินหรือวิ่ง ซึ่งการที่อุ้งเท้าหายไปจะส่งผลต่อกลไกการทำงานของเท้าและร่างกายส่วนบน

ประเภทของเท้าแบนที่พบบ่อย
เท้าแบนแบบยืดหยุ่น : เป็นชนิดที่พบมากที่สุด โดยจะมีอุ้งเท้าเมื่อนั่งหรือเขย่งปลายเท้า แต่จะราบลงเมื่อยืนลงน้ำหนัก
เท้าแบนแบบติดแข็ง : เป็นชนิดที่พบได้น้อยกว่า โดยเท้าจะแบนราบอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะลงน้ำหนักหรือไม่ มักเกิดจากความผิดปกติของโครงสร้างกระดูกและอาจทำให้มีอาการปวดมากกว่า
สังเกตตัวเอง: อาการเท้าแบนเป็นอย่างไร
หลายคนที่มีภาวะเท้าแบนอาจไม่มีอาการใดๆ เลย แต่หากเริ่มมีปัญหา อาการที่พบบ่อยได้แก่:
อาการปวด:
ปวดบริเวณส้นเท้า อุ้งเท้า หรือข้อเท้า โดยเฉพาะหลังการเดินหรือยืนเป็นเวลานาน
อาการปวดมักจะแย่ลงเมื่อทำกิจกรรม
อาการบวม: มีอาการบวมเล็กน้อยตามแนวเอ็นด้านในของข้อเท้า
ความผิดปกติในการเดิน: ท่าทางการเดินเปลี่ยนไป อาจนำไปสู่ปัญหาที่เข่า สะโพก หรือปวดหลังส่วนล่างตามมา
อาการเมื่อยล้า: รู้สึกเมื่อยล้าที่เท้าหรือน่องอย่างรวดเร็วเมื่อยืนหรือเดิน
รองเท้าสึกผิดปกติ: รองเท้าสึกหรอเร็วผิดปกติ โดยเฉพาะบริเวณขอบด้านใน
สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดเท้าแบน
ภาวะเท้าแบนอาจเกิดขึ้นมาตั้งแต่กำเนิด หรือเกิดขึ้นภายหลังได้จากหลายปัจจัย:
สาเหตุจากพันธุกรรม/พัฒนาการ: โดยทั่วไปอุ้งเท้าจะพัฒนาในช่วงวัยเด็ก แต่บางคนอาจไม่พัฒนาเลย
ภาวะเอ็นข้อเท้าด้านในเสื่อม: เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดเท้าแบนในผู้ใหญ่ เมื่อเส้นเอ็นที่ทำหน้าที่พยุงอุ้งเท้าอ่อนแอลงหรือฉีกขาด อุ้งเท้าก็จะยุบตัวลง
การบาดเจ็บ: การบาดเจ็บที่เท้าหรือข้อเท้า เช่น กระดูกแตก หรือเอ็นฉีกขาด
คำแนะนำและข้อควรปฏิบัติเพิ่มเติม
หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีแรงกระแทกสูง: เช่น การวิ่งระยะทางไกลหรือการกระโดด หากมีอาการปวด ควรสลับไปออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกต่ำแทน เช่น การว่ายน้ำ หรือการปั่นจักรยาน
สังเกตอาการลูกหลาน: เท้าแบนในเด็กเล็กถือเป็นเรื่องปกติ แต่หากลูกมีอาการปวดเท้า เดินผิดปกติ หรือเท้าแบนแบบติดแข็ง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินผล หมอกระดูกและข้อ
เท้าแบนคืออะไร
เท้าแบน คือภาวะที่อุ้งเท้าด้านใน มีลักษณะแบนราบลงหรือหายไป เมื่อยืนลงน้ำหนัก ฝ่าเท้าด้านในส่วนใหญ่หรือทั้งหมดจะแตะพื้น โดยปกติแล้วเท้าจะมีส่วนโค้ง (Arch) เพื่อช่วยรองรับน้ำหนักและกระจายแรงกระแทกในขณะเดินหรือวิ่ง ซึ่งการที่อุ้งเท้าหายไปจะส่งผลต่อกลไกการทำงานของเท้าและร่างกายส่วนบน

ประเภทของเท้าแบนที่พบบ่อย
เท้าแบนแบบยืดหยุ่น : เป็นชนิดที่พบมากที่สุด โดยจะมีอุ้งเท้าเมื่อนั่งหรือเขย่งปลายเท้า แต่จะราบลงเมื่อยืนลงน้ำหนัก
เท้าแบนแบบติดแข็ง : เป็นชนิดที่พบได้น้อยกว่า โดยเท้าจะแบนราบอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะลงน้ำหนักหรือไม่ มักเกิดจากความผิดปกติของโครงสร้างกระดูกและอาจทำให้มีอาการปวดมากกว่า
สังเกตตัวเอง: อาการเท้าแบนเป็นอย่างไร
หลายคนที่มีภาวะเท้าแบนอาจไม่มีอาการใดๆ เลย แต่หากเริ่มมีปัญหา อาการที่พบบ่อยได้แก่:
อาการปวด:
ปวดบริเวณส้นเท้า อุ้งเท้า หรือข้อเท้า โดยเฉพาะหลังการเดินหรือยืนเป็นเวลานาน
อาการปวดมักจะแย่ลงเมื่อทำกิจกรรม
อาการบวม: มีอาการบวมเล็กน้อยตามแนวเอ็นด้านในของข้อเท้า
ความผิดปกติในการเดิน: ท่าทางการเดินเปลี่ยนไป อาจนำไปสู่ปัญหาที่เข่า สะโพก หรือปวดหลังส่วนล่างตามมา
อาการเมื่อยล้า: รู้สึกเมื่อยล้าที่เท้าหรือน่องอย่างรวดเร็วเมื่อยืนหรือเดิน
รองเท้าสึกผิดปกติ: รองเท้าสึกหรอเร็วผิดปกติ โดยเฉพาะบริเวณขอบด้านใน
สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดเท้าแบน
ภาวะเท้าแบนอาจเกิดขึ้นมาตั้งแต่กำเนิด หรือเกิดขึ้นภายหลังได้จากหลายปัจจัย:
สาเหตุจากพันธุกรรม/พัฒนาการ: โดยทั่วไปอุ้งเท้าจะพัฒนาในช่วงวัยเด็ก แต่บางคนอาจไม่พัฒนาเลย
ภาวะเอ็นข้อเท้าด้านในเสื่อม: เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดเท้าแบนในผู้ใหญ่ เมื่อเส้นเอ็นที่ทำหน้าที่พยุงอุ้งเท้าอ่อนแอลงหรือฉีกขาด อุ้งเท้าก็จะยุบตัวลง
การบาดเจ็บ: การบาดเจ็บที่เท้าหรือข้อเท้า เช่น กระดูกแตก หรือเอ็นฉีกขาด
คำแนะนำและข้อควรปฏิบัติเพิ่มเติม
หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีแรงกระแทกสูง: เช่น การวิ่งระยะทางไกลหรือการกระโดด หากมีอาการปวด ควรสลับไปออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกต่ำแทน เช่น การว่ายน้ำ หรือการปั่นจักรยาน
สังเกตอาการลูกหลาน: เท้าแบนในเด็กเล็กถือเป็นเรื่องปกติ แต่หากลูกมีอาการปวดเท้า เดินผิดปกติ หรือเท้าแบนแบบติดแข็ง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินผล หมอกระดูกและข้อ
12 พ.ย. 2568 - เวลา 10:31 น.



















